ร่ายรำท่าไหว้ครู
![]() |
ท่าไหว้ครู มวยลพบุรี |
การร่ายรำท่าหงษ์เหิร
หลังจากการไหว้ครูในท่านั่งตามลำดับจนกระทั่วลุกขึ้นยืนในท่าเทพนิมิตร และหมุนไปทางขวา
จังหวะที่ ๑ ยกเท้าขวาเหยียดไปด้านหลัง โดยยืนทรงตัวด้วยเท้าซ้าย โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยร่ายรำโดยกางแขนทั้งสองออกด้านข้างสุดแขน ยอเข่าลงพร้อมกับคว่ำฝ่ามือทั้งสอง
จังหวะที่ ๒ ยืดเข่าให้ตรงพร้อมกับงอข้อมือขึ้นให้ปลายนิ้วเชิดขึ้น
จังหวะที่ ๓ ลดเท้าขวาลงยืนกับพื้น แล้วเปลี่ยนเป็นเหยียดเท้าซ้ายไปข้างหลังร่ายรำเช่นเดียวกันลักษณะคล้ายนก กำลังบิน การเคลื่อนตัว แขน และฝ่ามือให้สัมพันธ์กันและเข้ากับจังหวะดนตรี
จังหวะที่ ๔ ลดเท้าซ้ายลงยืนตรงย่างสามขุมเพื่อเปลี่ยนทิศทาง โดยหมุนตัวกลับหลังหันมาทางทิศเบื้องซ้ายแล้ว ให้ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า ๑ ก้าว โน้มตัวลงไหว้ พระพรหมทิศ เบื้องซ้าย ๑ ครั้ง แล้วร่ายรำท่าหงษ์เหิรตามจังหวะที่ ๑-๓ พอถึงจังหวะที่๔ ให้เปลี่ยนไปทางทิศเบื้องหลัง ไหว้พรหมแล้วร่ายรำ พอถึงจังหวะที่ ๔ ให้เปลี่ยนไปทิศเบื้องหน้า (ซึ่งเป็นทิศเมื่อนั่งพนมมือ "ท่าเทพพนม" ) แล้วไหว้พรหม ร่ายรำท่าหงษ์เหิรเท่ากับร่ายรำ ครบสี่ทิศ (พรหมสี่หน้า) ย่างสามขุมแล้วโค้งให้คู่ต่อสู้ ๑ ครั้งเป็นการจบการไหว้ครูและร่ายรำท่าหงษ์เหิร.

![]() |
หงษ์เหิร |
การร่ายรำท่ายูงฟ้อนหาง
ก่อนการร่ายรำท่ายูงฟ้อนหางก็ตามจะ เริ่มต้นจากการไหว้ ครูตั้งแต่ท่านั่ง เทพพนมตามลำดับ จนถึงท่ายืนเทพนิมิตรแล้ว
จังหวะที่๑ หมุนตัวไปทางทิศเบื้องขวาไหว้พระพรหม
ทิศเบื้องขวา ๑ ครั้ง
จังหวะที่๒ ก้าวเท้าซ้าย ไปข้างหน้า ๑
ก้าว ยกขาขวาเหยียดไปทาด้านหลัง พรัอม โน้มตัวลงมาทางด้านหน้า มือทั้งสองพนมอยู่ระดับอก
จังหวะที่ ๓ บิดฝ่ามือหันหลังมือเข้าหากันแล้วค่อยๆ
เคลื่อนแขนทั้งสอง ลอดผ่านใต้รักแร้ ไปทางด้านหลัง จนแขนเหยียดตรงปลายนิ้วมือจดกัน
จังหวะที่๔ เคลื่อนมือทั้งสองออกไปด้านข้างลักษณะ กางแขนแล้วโค้งเข้าหากันที่หน้าพร้อม
กับยืดอกเงยหน้าขึ้นขณะที่มือทั้งสองยก จดกันที่เหนือศีรษะขาขวา ยังคงเหยียด ไปทางด้านหลังเช่นเดิม
จังหวะที่๕ ลดขาขวาลงยืนตรง ยกเท้าซัายเหยียดไปทางด้านหลัง ยืนทรงตัวด้วยเทัาขวา แส้วปฎิบัติ เช่นเดียวกับจังหวะที่ ๑ -๔ (เป็นการทำสลับข้างจากขวาเป็นซ้าย) หลังจากนั้นให้เปลี่ยนทิศร่ายรำให้ครบ สี่ทิศ แล้วกลับเข้ามุมด้วยการก้าวย่าง และโค้งคำนับคู่ต่อสู้ เป็นจบกระบวนท่า .

![]() |
ยูงฟ้อนหาง |
การร่ายรำท่ายูงรำแพน
ก่อนการร่ายรำท่ายูงรำแพน ให้เริมต้นการไหว้ครูตังแต่ท่านั่งเทพพนม ตามลำดับเช่นเดียว ท่าอื่นๆ จนลุกขึ้นยืนท่าเทพนิมิตร
จังหวะที่๑ หมุนตัวไปทิศเบื้องขวาไหวัพระพรหม ๑ ครั้ง
จังหวะที่๒ ก้าวเท้าซ้ายใปขัางหน้าก้าว ยกขาขวาเหยียดไปทางด้านหลัง พร้อมกับโน้มตัวลงมาทางด้านหน้า มือทั้งสองพนม อยู่ระดับอก
จังหวะที่ ๓ บิดฝ่ามือหันหลังมือเข้าหากันแล้วค่อยๆเคลื่อนแขนทั้งสองลอดผ่าน ใต้รักแร้ไปทางด้านหลัง จนแขนเหยียดตรง หน้าเงยมองดรงไปด้านหน้า
จังหวะที่ ๔ เคลื่อนมือทั้งสองออกไปด้านข้างลักษณะ กางแขนแลัวโคังเข้าหา กันด้านหน้าควงแขน ๓ รอบ
จังหวะที่ ๕ เคลื่อนขาขวามาตั้งฉากด้านหน้าหมุนเฉียง ขวาเท้าขวาสูงพื้นห่าง ๑ ก้าว
จังหวะที่ ๖ ยกเท้าซ้ายเหยียดไปทางด้านหลัง ยืนทรงตัวด้วยเท้าขวา แล้วปฏิบัติ เดียวกับจังหวะที่ ๑ - ๔ หลังจากนั้นไห้เปลี่ยนทิศร่ายรำให้ครบ สี่ทิศ แล้วกลับเขามุมด้วยการก้าวย่าง และโค้ง นับคู่ต่อสู้ เป็นจบกระบวนท่า.

![]() |
ยูงรำแพน |
การร่ายรำสอดสร้อยมาลา
ก่อนการร่ายรำท่าสอดสร้อยมาลาให้เริ่มต้นการไหวัครูตังแต่ท่านั่งเทพพนม จนลุกขึ้นยืนท่าเทพนิมิตร
จังหวะที่ ๑ หมุนตัวไปทิศเบื้องขวาไหว้พระพรหมทิศเบื้องขวา ๑ ครั้ง
จังหวะที่ ๒ ก้าวเท้าซ้ายใปขัางหน้า ๑ ก้าว ยกขาขวาไปทางด้านหลังที่งอขนานกับพื้นยกสูงระดับปลายคาง แขนซ้ายงอตั้งฉากกับพื้นปลายหมัตตั้งขึ้น
จังหวะที่ ๓ สอดหมัดซ้ายขึ้นด้านในแขนขวา ใหัเลยขึ้นไปขัางบนจนศอกแขนขวาที่วางขนานระดับปลายคาง
จังหวะที่ ๔ เปลี่ยนจากแขนขวาวางขนานกับพื้นมาเป็นแขนซ้ายรำสอด แขน
จังหวะที่ ๕ เปลี่ยนจากการยืนด้วยเท้าซ้าย มาเป็นยืนทรงตัวด้วยเท้าขวา เช่นเดียวกับจังหวะที่ ๒ - ๔
จังหวะที่ ๖ ให้เปลี่ยนทิศไปร่ายรำในทิศต่างๆ ให้ครบสี่ทิศ แล้วกลับเข้า ก้าวย่าง และโค้งคำนับให้คู่ต่อสู้ เป็นจบกระบวนท่า.
![]() |
สอดสร้อยมาลา |
การร่ายรำท่าพระรามแผลงศร
เป็นการร่ายรำที่สวยงามท่าหนึ่งที่เป็นท่ายืน ก่อนการร่ายรำท่าพระรามแผลงศร ใหัเริ่มต้นการไหว้ครู ตั้งแต่ท่านั่งเทพพนม ตามลำดับจนถึงท่าเทพนิมิตร ท่าพระรามแผลงศรมักจะ นิยมร่ายรำเพียงทิศเดียว คือหันหน้าไปทางทิศของคู่ต่อสู้
จังหวะที่ ๑ หมุนตัวไปทิศเบื้องขวาไหว้พระพรหมทิศ เบี้องขวา ๑ ครั้ง
จังหวะที่ ๒ ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า ๑ ก้าว พร้อม กับชูแขนทั้งสองข้างในลักษณะคล้ายจับคันศร ด้วยมือซ้าย
จังหวะที่ ๓ มือขวาเอื้อมมาด้านหลังทำท่าลักษณะ หยิบลูกศรบริเวณต้นคอ มาพาดคันศร แล้วน้าวสาย ศรมาด้านหลัง ๒ - ๓ ครั้ง ทำท่าน้าวศรครั้งที่ไม่ ปล่อยศร ค่อยๆ เลื่อนมือขวา ตามมแรงดึงของคัน ศรน้าวศรครั้งที่ ๒ ก็ไม่ปล่อยศร พอน้าวศรครั้งที่๓ ทำลักษณะยกคันศรสูง ระดับหูตัวยืนนิ่งสายตามอง เล็งไปที่เป้าหมายแล้วปล่อยศรโดยบิดมือขวาขึ้น
จังหวะที่๔ เมื่อปล่อยลูกศรออกไปแล้วเท้าขวา ลงพื้น แล้วยกขาซ้ายงอขึ้นด้านหน้า พรัอมกับ ทำท่ายกมีอเหนือหน้าผาก ตามองตามลูกศรไปคล้าย
กับดูว่าลูกศรจะถูกที่หมายหรือ ไม่หากไม่ถูกให้ส่าย หน้าถ้าถูกให้ผงกศีรษะ สีหน้าแสดงความยินดี
จังหวะที่๕ ให้เสกคาถา เช่น นะจังงัง ๓ จบ และใชัเท้ากระทืบพื้น ๓ ครั้ง
จังหวะที่๖ ย่างสามขุมเข้ามุมของตนแล้วโค้งคำนับให้คู่ต่อสู้ ๑ ครั้ง เป็นจบกระบวนท่า.

![]() |
พระรามแผลงศร |
การร่ายรำท่าพยัคฆ์ด้อมกวาง
ก่อนการร่ายรำท่าพยัคฆ์ด้อมกวาง ให้เริ่มต้นการใหว้ครูตั้งแต่ท่านั่งเทพพนมตามลำ เช่นเดียวกับท่าอื่นๆ จนถึงลุกขื้นยืนท่าเทพนิมิตร
จังหวะที่ ๑ หมุนตัวไปทิศเบื้องขวาไหว้พระพรหมทิศเบื้องขวา ๑ ครั้ง
จังหวะที่ ๒ จากการก้าวย่างขณะที่เท้าซ้ายนำ ให้โน้มตัวไปด้านหนัาเล็กน้อยมือซ้าย กำหมัดตั้งศอกขึ้นบังทางด้านหน้า พร้อมกับหันหน้ากลับมามองทางด้านหลัง คือมองคู่ต่อสู้ แขนขวาและเท้าขวาอยู่ด้านหลัง พยักหน้าให้คู่ต่อสู้๑ ครั้งหรือ ๒ ครั้ง
จังหวะที่ ๓ เปลี่ยนมาเป็นการก้าวโดยใช้เท้าขวานำ และทำเช่นเดียวกับจังหวะที่ ๒
จังหวะที่ ๔ ให้เปลี่ยนทิศใปร่ายรำในทิศต่างๆ ให้ครบสี่ทิศ แล้วกลับเข้ามุมด้วยก้าวย่างและโค้งคำนับให้คู่ต่อสู้ เป็นจบกระบวนท่า การร่ายรำท่าพยัคฆ์ด้อมกวางนี้ จะมีลีลาท่าทางการร่ายรำคล้ายกับท่ากวางเหลียวหลัง.
![]() |
พยัคฆ์ด้อมกวาง |
การร่ายรำท่าเสือลากหาง
การร่ายรำท่าเสือลากหางมีทั้งท่านั่งและท่ายืน
ให้เริ่มต้นการไหว้ครูตั้งแต่ท่านั่งเทพพนม ถวายบังคม
ท่าปฐมและท่าพรหมตามลำดับเช่นเดียวกับท่าอื่นๆท่านั่ง
ท่านั่ง

จังหวะที่ ๑ ขณะนั่งอยู่ในท่าพรหม คือเท้าซ้ายตั้งฉากกับพื้น
เท้าขวาเหยียดตรงใป ด้านหลัง
ปลายนิ้วเท้าจรดพื้นโน้มตัวไปด้านหน้าให้มากมือทั้งสอง ควงหมัด
แล้วงอแขนตั้งฉาก ชูปลายทือขึ้นขยับแขนขึ้นลงสลับซ้ายขวาตลอดเวลา
แล้วเคลื่อนแขนกางออกด้านข้างขยับขึ้นลง ไม่มากใบหน้าส่ายไปมา
พร้อมกับขยับตัวขึ้นลง ให้สัมพันธ์กัน โดยน้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าซัายและ
ปลายเท้าขวายันพื้นช่วย ในการทรงตัวและการขยับตัวตามจังหวะดนตรี

จังหวะที่ ๒ ถอยตัวกลับไปนั่งบนส้นเท้าซัาย
เท้าขวาเหยียดอยู่ดัานหน้ามือทั้งสอง ขยับขี้นลงเช่นเดียวกับจังหวะที่ ๑
อาจจะเปลี่ยนสลับเท้าขวาเป็นซ้ายก็ได้.

ท่ายืน
จากท่านั่งของเสือลากหางอาจใช้เท้าข้างใดข้างหนื่งเป็นหลักทรงตัวลุกขึ้นยืน

จังหวะที่ ๑ ยืนทรงตัวด้วยเท้าขวาเท้าซ้ายยกงอไปทางด้านหลัง
ปลายเท้าเชิดพร้อมกับ โน้มตัวมาทางด้านหน้า
แขนทั้งสองข้างตั้งฉากยกปลายมือขึ้นขยับขื้นลงเช่นเดียวกับท่านั่ง คือ
ขยับพร้อมกันทั้งแขน ลำตัว
และปลายเท้าใบหน้าส่ายไปมาคล้ายหลอกล่อคู่ต่อสู้.
0 comments:
Post a Comment